ในปัจจุบันการใช้เทคโนลียีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราอย่างมากทั้งในด้าน
การแพทย์ การค้า รวมไปถึงด้านการศึกษาอีกด้วย
การใช้ ICT เข้ามาช่วยนั้นทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นในการเก็บข้อมูล
การประมวลผล และการส่งต่อข้อมูลไปยังส่วนต่างๆ ทำให้โลกของเราเปิดกว้างและกลายเป็นโลกที่ไร้พรมแดน มีชีวิ อยู่บนความสะดวกสบาย บนการใช้เทคโนโลยี
การใช้ประโยชน์จาก
ICT ในยุคปัจจุบันนั้นมีหลายประการโดยพื้นฐานนั้นจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำงานและความสะดวกสบาย
กล่าวคือ ช่วยในการทำงานให้มีประสิธิภาพมากขึ้นโดยที่ใช้เวลาน้อยลง ทำให้มีการเปิดโลกทัศน์มากขี้นเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเยาวชน
รวมถึงการสร้างโอกาสให้แก่ผู้พิการหรือผู้ด้อยโอกาส
และยังทำให้เกิดการสื่อสารที่ไรพรมแดน ทำให้คนเราเอาชนะระยะทางและเวลาได้ อีกส่วนคือในทางการแพทย์ที่เทคโนโลยี ICT ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากอาทิเช่น การผ่าตัดที่ใช้หุ่นยนต์ หรือ เป็นการผ่าตัดโดยใช้ video confernce จะโรงพยาบาลในต่างประเทศหรือจากโรงพยาบาลชั้นนำต่างๆ นอกจะนั้นยังมีการบันทึกประวัติของคนไข้ เพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็วในการเข้ารับการรักษา ในทางกลับกันด้านลบของ ICT ก็มีอยู่พอสมควร คือ
การที่ใช้เทคโนโลยีมากไปทำให้คนเกิดการเสพติดไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ในบางมุมของมันอาจจะเป็นด้านที่ไม่ถูกไม่ควร เช่นการพนัน สื่อลามกอนาจาร
รวมไปถึงการก่อกวนระบบต่างๆอันทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร
การใช้่ ict กับการศึกษา
การให้คำปรึษาทางการแพทย์แบบ video conference
ในส่วนนี้จะเป็นการกล่าวถึงผลกระทบของการใช้
ICT
ในแวดวงธุรกิจ
การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในธุรกิจนั้นก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว
อันเป็นปัจจัยในการแข่งขันด้านการตลาด เพราะถ้าเกิดความล่าช้าก็อาจจะเสียผลประโยชน์ไปได้
ด้านภายนอกการใช้ ICT นั้นทำให้เกิดการสื่อสารต่อลูกค้าได้หลายช่องทางและสารมารถออกแบบสื่อได้อย่างหลากหลายเพื่อดึงดูดวามสนใจของผู้บริโภค
ด้านในองค์กรการใช้ ICT นั้นทำให้การทำงานเกิดความรวดเร็วในการ จัดเก็บ เรียกใช้ หรือป้องกันข้อมูล
ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็วและได้ผลสูง
แต่การกระทำนั้นต้องมีความระมัดระวังมิฉะนั้นอาจเกิดความสูญเสียต่อองกรได้
ส่วนผลกระทบด้านลบมีเมื่อเป็นการใช้ ICT ในทางที่ผิดเช่น การก่อกวนระบบ
การขโมยข้อมูลคู่แข่งทางการค้าเพื่อผลประโยชน์ของตนก็มีอยู่ในทุกพื้นที่ ดังนั้นทุกองค์กรจึงต้องทำการพัฒนาระบบ
ICT
ของตนให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย
องค์กรที่นำ
ICT
เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน ในที่นี้จะกล่าวถึงบริษัท 7-11
ที่นำระบบนี้เข้ามาใช้ในการจัดการสิ้นค้า เงิน รวมถึงการรักษาความปลอดภัย โดยสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีคือ “เคาท์เตอร์เซอร์วิส” ที่สามารถอำนวยความสะดวกในการชำระค่าบริการต่างๆได้ในที่เดียว ระบบการเติมเงิน onlineในเครือข่าย เพื่อความสะดวกของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ต่อมาเป็นระบบ supply chain management คือการบริหารกระบวนการของสินค้า
ตั้งแต่การจดส่งไปจนถึงมือลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
เวลา ความรวดเร็วแม่นยำ
เพื่อไม่ให่มีสินค้าคงคลังมากจนเกินไป เช่นนำไอดีมาใช้แทนใบสั่งกับผู้ผลิตรายใหญ่ๆ
ซึ่งทำให้ไม่ต้องคีย์ข้อมูลซ้อซ้อน ทำให้การจัดส่งเร็วขึ้น
เป็นผลให้ประหยัดต้นทุนในการใช้กระดาษเพราะไม่ต้องทำใบสั่งซื้อ
และยังสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ในอนาคต การสแกนบาร์โค้ด
ก็เป็นส่วนที่จะทำให้ข้อมูลถูกต้องและละเอียดมากขึ้น
แต่ผลเสียของระบบที่ดีแบบนี้ก็คือ การพัฒนาคนให้ใช้ระบบนี้อย่างข้องแคล่วนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา
และค่าใช้จ่ายสูงจำทดลองอยู่ในบางสาขาเท่านั้น ต่อมาเป็นระบบ Customer Relationship Management ซึ่งเป็นกระบวนการในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว
โดยระบบนี้จะประกอบไปด้วย ระบบเก็บข้อมูลสินค้า (datamart) ระบบข้อมูลคลังสินค้า(Dataware house) ซึ่งจะมีไว้ใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจ
อีกส่วนนึงจะเป็นระบบปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน (Workflow Automation) โปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์เมล
ของโลตัสโน้ต มาใช้ในการตินต่อประสานงานภายในองค์กร
แต่การกระทำนี้มีผลให้ต้องลงทุนเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่สำนักงานใหญ่ทั้งการติดตั้งและเพิ่มขนาด
จึงจะทำให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้ระบบICT ในธุรกิจ 7-11 เท่านั้น
เคาน์เตอร์เซอร์วิสบริการชำระค่าบริการต่างๆผ่าน 7-11 หรือที่มีสัญลักษณ์นี้
Bar code รหัสสินค้าเพื่อง่ายต่อการชำระเงินและเช็คสิค้าคงคลัง
อ้างอิงจากและข้อมูลจาก:
http://k-pom-kpom.blogspot.com/2010/12/blog-post.html
http://www.7eleven.co.th/
http://www.cpall.co.th/Corporate
http://www.gotoknow.org/posts/383942
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น